รักจังวะ ผิดจังหวะ
รักจังวะ ผิดจังหวะ ในชีวิตเรามันคงไม่มีอะไรราบรื่นสมหวังไปทุกสิ่งทุกอย่าง บางครั้งการตัดสินใจพลาดเพียงครั้งเดียวมันก็สามารถเปลี่ยนชีวิตเราไปได้อย่างสิ้นเชิง หรือบางครั้งด้วยพลังจักรวาลหรืออะไรก็แล้วแต่ มันก็พร้อมจะเนรมิตจังหวะนรกให้เกิดขึ้น กลายเป็นความรู้สึกช็อตฟีล ทั้งหมดนั้นถูกเอามาใส่เป็นส่วนประกอบสำคัญของภาพยนตร์เรื่อง OMG รักจังวะ..ผิดจังหวะ ผ่านการแสดงของสองพระนางคู่ใหม่ รักจังวะ ผิดจังหวะ สกาย และ จูเน่ ที่ใส่ความเป็นธรรมชาติ ปล่อยเสน่ห์ให้พวยพุ่งไปทั่วทั้งเรื่อง
รักจังวะ..ผิดจังหวะ เล่าเรื่องราวของ กาย หนุ่มธรรมดา ๆ ไม่หวือหวา เขาแอบรัก จูน เพื่อนผู้หญิงที่อยู่ท่ามกลางข่าวลือเสีย ๆ หาย ๆ พวกเขาคงจะลงเอยด้วยกันได้ดี แต่เพราะกายดันเป็น คนที่พระเจ้าไม่รัก เขาจึงถูกมอบจังหวะนรกให้กับชีวิตรักมาตลอด ทำให้เขาและจูนคลาดกันไปคลาดกันมา สุดท้ายทั้งคู่ก็เป็นได้แค่เพื่อนจนจบมหาวิทยาลัย จนพวกเขาได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง กายจึงตัดสินใจที่จะเดินหน้าลองอีกสักตั้ง สู้กับพระเจ้าให้มันรู้ดำรู้แดง
นี่เป็นหนัง Coming of Age ที่ให้กลิ่นอายชวนให้เรารู้สึกถึงภาพยนตร์ในอดีตของสตูดิโอนี้ อย่าง เพื่อนสนิท หรือกระทั่งหนังสุดโด่งดังของต่างประเทศอย่าง 500 Days of Summer แม้ว่าหนังจะสตาร์ทเครื่องด้วยรสชาติแปร่ง ๆ ไปสักเล็กน้อย แต่พอเครื่องติด ด้วยบทที่เป็นธรรมชาติ ดูราบเรื่อยแต่สมจริง จนสามารถปลดปล่อยเสน่ห์ของนักแสดงออกมาได้อย่างล้นหลาม
หนังเรื่องนี้จับความผิดจังหวะมาใส่ในการเล่าเรื่องที่ถูกช่วงถูกจังหวะได้อย่างน่าชื่นชม การแสดงของสกายในเรื่องนี้ได้ทำให้เราเห็นถึงพัฒนาการด้านความสามารถของเขาอย่างชัดเจน เราจะได้เห็นหนุ่มน้อยคนนี้ที่วันนี้เติบโตขึ้นมา ถ่ายทอดทุกอารมณ์ออกมาได้อย่างครบถ้วนและเราสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ในขณะที่จูเน่เองก็เสน่ห์ทรงพลังมาก เธอคือสีสันที่เข้ามาแต่งแต้มหนังเรื่องนี้ให้มีน้ำหนักและความสดใสเพิ่มขึ้นได้อย่างมากมายมหาศาล
จุดแข็งของหนังเรื่องนี้คือความเป็นธรรมชาติของบทภาพยนตร์ ที่แทบจะไม่ประดิษฐ์ประดอยจนเกินจริง แม้จะมีความเพ้อฝันอยู่บ้าง แต่มันก็ถูกนำมาใช้ได้อย่างถูกที่ถูกจังหวะ พาร์ทดราม่าของเรื่องเองก็สามารถทำได้ถึง การแสดงของพีช พชรเองก็ช่วยส่งเสริมให้หนังครบถ้วนสมบูรณ์มากขึ้น ขณะเดียวกันพาร์ทครอบครัวของกาย ที่ประกอบไปด้วยพี่สาวน้องสาว ก็ช่วยเสริมองค์ประกอบของเรื่องได้อีกหลายเท่า ทำให้เราเห็นน้ำหนักของชีวิตตัวละครผ่านสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้ครบถ้วนมากกว่าเดิม และพวกเขาก็ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่ตัวละครสมทบทั่ว ๆ ไป เพราะพวกเขามีบุคลิกที่โดดเด่นเป็นของตัวเอง มีฉากที่น่าจดจำไม่ถูกหลงลืม
ทั้งหมดทั้งมวลนั้นทำให้การดำเนินเรื่อง ที่ราบเรื่อย ค่อย ๆ ไต่ระดับ รักจังวะ ผิดจังหวะ ดึงมือพวกเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวนี้ จนรู้สึกตัวอีกทีเราก็อินไปกับเรื่องราวของพวกเขาแล้วอย่างสมบูรณ์ จุดด้อยก็อาจจะมีเพียงบางช่วงของเรื่องที่อาจจะย้วยและช้าไปสักนิดจนเกือบทำให้รู้สึกว่าหนังนานเกินไปหรือเปล่า แต่ด้วยบรรยากาศ ความตลกที่เป็นธรรมชาติก็สามารถเข้ามากลบข้อเสียตรงนั้นไปได้
รักจังวะ..ผิดจังหวะ คือหนังโรแมนติกคอมเมดี้
ที่ผสมผสานความเพ้อฝัน ความสมจริง ความโรแมนติก ความซาบซึ้ง และท้ายที่สุดคือ ความเป็นมนุษย์ ออกมาได้อย่างลงตัว สนุกเกินคาด ไปพิสูจน์กันได้แล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์
จะบอกว่า “OMG! รักจังวะ..ผิดจังหวะ” หนังเรื่องล่าสุดจากบ้าน GDH เป็นรอมคอมสูตรสำเร็จของบ้านนี้ที่ประสบความสำเร็จมาทุกยุคก็ได้ แบบที่เราว่าเป็น ‘เพื่อนสนิท’ เวอร์ชั่นอัปเกรดสำหรับปี 2022 ก็ไม่ผิด กับเส้นเรื่องที่เล่าถึงความรักตลกร้ายของการแอบรักเพื่อน แต่ดันซวยเจอจังหวะนรก ถูกคนแต่ผิดเวลา
กำกับโดย พงศ์-ฐิติพงศ์ เกิดทองทวี เจ้าพ่อการกำกับมิวสิควิดิโอดัง จากหลายศิลปินที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เช่น mv ขอ จาก LOMOSONIC, mv ซ่อนกลิ่น จาก ปาล์มมี่, mv ไม่เคย จาก 25 hours และอีกมากมาย มานั่งแท่นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้
เป็นเรื่องราวของ กาย (สกาย-วงศ์รวี นทีธร) ที่ไปสะดุดกับ Magic Moment ให้ต้องตกหลุมรักเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง จูน (จูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน) ทั้งคู่เริ่มความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนที่ถูกจัดให้อยู่ในหมวดเฟรนด์โซน ถึงแม้กายจะอยากสารภาพรักกับจูน แต่ต้องเจอกับจังหวะที่มันไม่ใช่ พอคนนึงโสด อีกคนก็มีแฟน มูฟออนกันเป็นวงกลม จนสุดท้ายกายต้องขอท้าชนกับพระเจ้าสักครั้งเพื่อเอาชนะความรักในครั้งนี้
พงศ์-ฐิติพงศ์ เลือกเล่าลูปความสัมพันธ์ของ กาย-จูน ไปแบบเนิบๆ ค่อยๆ เดินเรื่องให้เรารู้สึกโตไปพร้อมๆ กับตัวละคร ได้ค่อยๆ เข้าใจความรู้สึกในความสัมพันธ์ มีโมเมนต์ให้เราได้แอบคิดตาม เขาปรุง OMG! ได้ครบรส ไม่ว่าจะช่วงเวลาเศร้าน้ำตาซึม แทรกมุกขำที่จังหวะตบลงล็อกแบบไม่ยัดเยียด และเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้ตลอดเรื่อง
ด้านนักแสดง สกาย-จูเน่ ทำออกมาได้ดีเกินคาด รักจังวะ ผิดจังหวะ สำหรับการแสดงหนังครั้งแรกของทั้งคู่ เคมีจูนกันติดสุดๆ และหนังยังให้ความสำคัญกับเหล่านักแสดงสมทบมากพอๆ กันไป ร่วมด้วย พีช-พชร, พลอย-หอวัง, ปันปันยีย์ยีย์, ต๊ะ-ศิวัช, ไมเคิล-พิว, เหมย-ณภัสนันท์ และ เล็ก-วสุ
กำลังบอกเราว่าการแอบรักกับจังหวะช่วงเวลา มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริงกับชีวิตทุกคน
อยู่ที่ว่าเราจะตัดสินใจกับความซับซ้อนของความสัมพันธ์ยังไง เมื่อเจอคนที่ใช่ในจังหวะที่ไม่ใช่ ถ้าใครที่โดนฟ้าเล่นตลกมาเจอจังหวะแบบนี้ ก็คงจะอินไม่แพ้กัน
หนังรักโรแมนติกชวนฝัน คงจะเป็นแนวหนังโปรดของเด็กสาววัยมัธยมปลายทั่วไป – แต่ไม่ใช่กับ ‘ฮาดาชิ’ หรือ ‘เท้าเปล่า’ (รับบทโดย มาริกะ อิโตะ) สมาชิกชมรมภาพยนตร์ที่หลงใหลหนังซามูไรย้อนยุคเป็นชีวิตจิตใจ จำได้แม้กระทั่งบทพูดและท่าทางการฟันดาบว่ามาจากเรื่องไหน และความฝันของเธอก็คือการได้ทำหนังซามูไรสักเรื่อง แถมมีบทหนังพร้อมแล้วด้วย
แต่ถึงแม้เพื่อนสองเพื่อนสนิทอย่าง ‘โฟมว่ายน้ำ (รับบทโดย ยูมิ คาวาอิ)’ และ ‘บลูฮาวาย (รับบทโดย คิราระ อิโนริ)’ จะดันหลังขนาดไหน แต่เท้าเปล่าก็ยังไม่ยอมลงมือทำเพราะว่าเธอยังไม่เจอพระเอกที่ใช่สักที จนเธอบังเอิญได้เจอกับ ‘รินทาโร’ (รับบทโดย ดาจิ คาเนะโกะ) ชายหนุ่มท่าทางประหลาดที่หน่วยก้านเหมาะจะเป็นพระเอกหนังเรื่องแรกของเธอ ไฟในการทำหนังของเท้าเปล่าก็เริ่มลุกโชนขึ้น
‘It’s a Summer Film!’ จะพาเราไปติดตามการทำหนังเรื่อง ‘ซามูไรวัยละอ่อน’ ของเท้าเปล่า (ที่รับบททั้งผู้กำกับ คนเขียนบท และโปรดิวเซอร์) พร้อมกับทีมงานเล็กๆ 7 คน ของเธอที่มาร่วมหัวจมท้าย ลองผิดลองถูกสร้างหนังย้อนยุคมาเพื่อขยี้หนังรักเลี่ยนๆ ของชมรมให้สิ้นซาก ตัวเรื่องไม่ได้มีอะไรหวือหวาหรือน่าตื่นเต้นขนาดนั้น แต่ระหว่างดูเราก็เอาใจช่วยให้หนังเรื่องนี้เสร็จสมบูรณ์ทันฉายในงานโรงเรียนประจำปีนี้
‘It’s a Summer Film’ วิ่งตามขนบของหนัง coming-of-age เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของวัยรุ่น ความฝัน การตามหาตัวตน ทำสิ่งที่ชอบ ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ความสนุกสนาน ความรัก และความสิ้นหวัง ถ่ายทอดออกมาผ่านความญี่ปุ๊นญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นคาแรกเตอร์ล้นๆ ที่เหมือนหลุดออกมาจากมังงะ คาแรกเตอร์ที่ดูสดใสเว่อร์ๆ แต่พอถูกจับมารวมเอาไว้ด้วยกัน ผสมกับมุกตลกตลอดทั้งเรื่อง กลับดูลงตัวและออกมาเป็นธรรมชาติตามฉบับหนังญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคยกัน
ภายใต้หน้าหนังชีวิตเด็กมัธยมทั่วๆ ไป ยังมีจุดเปลี่ยนที่เปิดแง่มุมให้เราได้ร่วมเดาไปด้วย อย่างการใช้ไทม์แมชชีนย้อนเวลามาจากอนาคต การตั้งคำถามชวนขบคิดในเรื่องอนาคตของหนัง และคุณค่าของหนังที่เท้าเปล่ามองว่าเป็น ‘จุดเชื่อมปัจจุบันกับอดีตผ่านจอใหญ่’ และทำให้เธอเองก็อยากทำหนังเพื่อเชื่อมปัจจุบันกับอนาคตด้วยเหมือนกัน
สุดท้ายแล้วหนังอาจจะไม่ได้พาเราไปถึงจุดจบของเรื่องราว เราไม่รู้ว่าปัจจุบันและอนาคตของตัวละครจะก้าวไปในทิศทางไหน แต่การปล่อยให้เราไปคิดต่อเองด้วยว่าหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร ราวเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เป็นคนเขียนบทที่ต้องเลือกตอนจบที่ใช่ ไม่ต่างกับเท้าเปล่าหาบทสรุปของ ‘ซามูไรวัยละอ่อน’ จนวินาทีสุดท้ายของการทำหนังเรื่องแรกของตัวเอง
นอกจากเรื่องหนังแล้ว มิตรภาพระหว่างเพื่อนของทุกๆ ตัวละครในเรื่องนี้ก็เป็นส่วนประกอบสำคัญของเรื่องที่ทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม เพื่อนที่ต้องมาใกล้ชิดกันเพราะงาน หรือแม้กระทั่งเพื่อนในชมรมที่คิดเอาเองว่าเป็นศัตรูกันเองก็ตาม สุดท้ายแล้วมิตรภาพของเพื่อนก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ทำให้หนังไปได้ด้วยดี แม้จะดูคลิเช่ไปบ้าง แต่ก็ถือได้ว่าหนังเรื่องนี้รวมความเป็นซามูไร ไซไฟ และวัยรุ่น เอาไว้ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว
ใครที่กำลังเสียใจเพราะพลาดเรื่องนี้ไปเมื่อเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น 2022 ที่ผ่านมา ตอนนี้ ‘It’s a Summer Film!’ ก็เตรียมกลับมาลงจอภาพยนตร์อีกครั้ง เคลียร์วันว่างแล้วย้อนกลับไปในฤดูร้อนสุดท้ายของวัยมัธยมพร้อมกัน 17 มีนาคมนี้!